หลังจากออกสตาร์ทฤดูกาล 2022-23 ด้วยความพ่ายแพ้สองนัดรวด แถมยังรั้งอันดับสุดท้ายของตาราง ดูเหมือนว่าแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเรียกร้องให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่หัวจรดหาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งเจ้าของสโมสร หลังทีมไม่เดินหน้าไปไหนมานานกว่าสิบปีภายใต้การดูแลของตระกูลเกลเซอร์
เมื่อหันหน้าไปมองซ้ายขวา ดูเหมือนว่าบุคคลที่มีโอกาสเข้ามาเป็นเจ้าของใหม่ของทัพปีศาจแดงมากที่สุดคือ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ นักธุรกิจเจ้าของตำแหน่งบุคคลร่ำรวยอันดับสองของสหราชอาณาจักร แค่ความจริงข้อนี้ก็อาจจะทำให้แฟนบอลใจชื้นได้ระดับหนึ่งแล้ว
แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาถือเป็นแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด มาตั้งแต่เด็ก และเติบโตมาจากย่านชุมชนในแถบสโมสร …จึงจะพาคุณมารู้จักของเรื่องราวของนักธุรกิจผู้มีโอกาสเป็นเจ้าของคนใหม่แห่งแมนฯ ยูไนเต็ด รวมถึงโอกาสและเสียงตอบรับจากแฟนบอลกับดีลครั้งนี้
ปีศาจแดงทั้งหัวใจ
หากจะหาเหตุผลว่าทำไมนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่าง เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ถึงมีความคิดที่อยากจะเป็นเจ้าของแมนฯ ยูไนเต็ด ในวัย 69 ปี? คำตอบนั้นสุดแสนง่ายคือ แรตคลิฟฟ์ถือเป็นแฟนคลับตัวยงของทัพปีศาจแดง และยังชื่นชอบกีฬาฟุตบอลสุดขั้วหัวใจ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เติบโตในครอบครัวชนชั้นแรงงาน และถือเป็นเด็กที่ใช้ชีวิตในย่านเกรตเตอร์ แมนเชสเตอร์ โดยมีกีฬาฟุตบอลเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพราะชีวิตในวัยเด็กของเขาไม่ได้สุขสบายนักเนื่องจากต้องอาศัยอยู่ในบ้านสังคมสงเคราะห์ที่รัฐบาลเป็นคนจัดหาให้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมองหาความสุขใกล้ตัวที่จับต้องได้ ซึ่งหนีไม่พ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมฟุตบอลหมายเลขหนึ่งของเมืองแมนเชสเตอร์ในขณะนั้น
เนื่องจากเป็นที่รู้กันในหมู่ชาวอังกฤษว่า แรตคลิฟฟ์ไม่ชื่นชอบที่จะปรากฏตัวต่อหน้าสื่อ เรื่องราวของเขากับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงไม่มีหลักฐานมากนัก เมื่อบวกกับความจริงที่ตัวเขาย้ายไปอยู่ทางตะวันออกของอังกฤษเมื่ออายุได้เพียง 10 ขวบ ความรักที่แรตคลิฟฟ์มีต่อทัพปีศาจแดงจึงซุกซ่อนอยู่ในใจของเขาและไม่เป็นที่รู้กันมากนัก
ความสับสนในเรื่องทีมโปรดของแรตคลิฟฟ์ยิ่งชุลมุนกันไปใหญ่ เมื่อเจ้าตัวย้ายมาอาศัยอยู่ในกรุงลอนดอนหลังประสบความสำเร็จในชีวิต และเนื่องจากฟุตบอลถือเป็นแพชชั่นใหญ่ในชีวิตมาเสมอ เจ้าตัวจึงไม่พลาดที่จะซื้อตั๋วปีของทีมฟุตบอลท้องถิ่นไว้ เพียงแต่สโมสรที่แรตคลิฟฟ์ซื้อตั๋วปีเอาไว้ติดตัวดันเป็น เชลซี ทีมดังแห่งกรุงลอนดอนซึ่งเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของแมนฯ ยูไนเต็ด มาหลายฤดูกาล
ความภักดีของแรตคลิฟฟ์ต่อทัพปีศาจแดงกลายเป็นที่เคลือบแคลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าตัวมีข่าวพัวพันกับการเทคโอเวอร์สโมสรเชลซีต่อจาก โรมัน อบราโมวิช แถมยังยื่นเงินถึง 4.25 พันล้านปอนด์เพื่อซื้อทัพสิงห์บลูส์ในช่วงวินาทีสุดท้ายเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การเข้าเป็นเจ้าของคนใหม่ของทีมดังแห่งสแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยแรตคลิฟฟ์ก็ไม่เกิดขึ้น เปิดทางให้เขามองหาสโมสรฟุตบอลอื่นที่เขาสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ต่อไป
เพียงอีกไม่กี่เดือนถัดมา แรตคลิฟฟ์คงไม่คิดว่าตัวเองจะเข้ามาพัวพันและแสดงเจตจำนงที่จะซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังทีมออกสตาร์ทย่ำแย่ในฤดูกาล 2022-23 ด้วยการแพ้สองนัดรวดจนต้องรั้งอันดับสุดท้ายของตาราง ส่งผลให้มหาเศรษฐีระดับต้นๆของประเทศทนไม่ไหว ต้องส่งตัวแทนออกมาให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมา
“ถ้าหากสโมสรแห่งนี้พร้อมที่จะขายให้กับเจ้าของคนใหม่ จิมก็พร้อมที่จะเป็นบุคคลที่เข้ามาซื้อสโมสรแห่งนี้ ถ้าเหตุการณ์ในลักษณะนั้นมีโอกาสเกิดขึ้น พวกเราก็สนใจที่จะเข้าไปพูดคุยภายใต้มุมมองของการเป็นเจ้าของในระยะยาว” ตัวแทนของแรตคลิฟฟ์ กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ตัวแทนของแรตคลิฟฟ์ยังกล่าวถึงเหตุผลที่มหาเศรษฐีรายนี้ต้องการซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งยื่นซื้อเชลซีไปหมาดๆว่า การยื่นซื้อทีมดังแห่งลอนดอนเป็นเพราะแรตคลิฟฟ์อยากช่วยเหลือทีมในฐานะผู้ถือครองตั๋วปีเท่านั้น แต่สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่คือสิ่งที่ต่างออกไป เพราะเขาเติบโตมาจากเขตเกรตเตอร์ แมนเชสเตอร์ และยังเป็นแฟนคลับของทัพปีศาจแดงมาตั้งแต่เด็ก
ความสำคัญของแมนฯ ยูไนเต็ด ต่อชุมชนและผู้คนในเมืองแมนเชสเตอร์จึงเป็นสิ่งที่แรตคลิฟฟ์รับรู้เป็นอย่างดี และจากสถานการณ์ของสโมสรที่กำลังย่ำแย่ในขณะนี้ เขาจึงมองเห็นเป็นโอกาสที่จะเริ่มต้นและปรับโครงสร้างของทีมใหม่ทั้งหมด ซึ่งนั่นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากทีมยังอยู่ในมือของตระกูลเกลเซอร์ผู้เป็นเจ้าของเดิม จึงนำมาสู่ความต้องการที่จะเป็นเจ้าของคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยแรตคลิฟฟ์ในที่สุด
“มันไม่เคยเป็นความลับในเรื่องที่เขาอยากจะเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก เขาเคยพยายามยื่นซื้อเชลซีมาแล้วหนึ่งครั้ง และต้องพลาดหวังเนื่องจากยื่นข้อเสนอช้าเกินไป เขายังพูดด้วยซ้ำว่าเขามีเงินมากพอที่จะยื่นข้อเสนอที่ดีกว่านี้ได้”
“หลายคนมองว่าการยื่นซื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกิดขึ้นเพียงเพื่อแก้มือจากความผิดพลาดในครั้งก่อน แต่เขาพูดเสมอว่าสนใจจะซื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากสโมสรแห่งนี้ถูกปักป้ายขาย ซึ่งความสนใจตรงนั้นได้ถูกยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วในตอนนี้”
เจ้าของใหม่ที่ทุกคนรอคอย?
เมื่อความตั้งใจของแรตคลิฟฟ์กระจ่างชัด ที่เหลือจึงเป็นเรื่องของพลังเงินเท่านั้นว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของตระกูลเกลเซอร์หรือไม่ ซึ่งเมื่อเรามองจากความพร้อมในการซื้อสโมสรเชลซีด้วยเงิน 4.25 พันล้านปอนด์ หรือเกือบ 1.8 แสนล้านบาท อีกทั้งยังมีทรัพย์สินส่วนตัวมากถึง 6,075 ล้านปอนด์ หรือราว 256,742 ล้านบาท ขณะที่ทรัพย์สินทั้งส่วนตัวและธุรกิจทั้งหมดคาดว่าจะสูงถึง 13,000 ล้านปอนด์ หรือราว 548,649 ล้านบาท น่าจะพอแสดงภาพให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ มีความพร้อมในการซื้อทีมดังแห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด มากแค่ไหน
แต่สิ่งที่ทำให้แรตคลิฟฟ์กลายเป็นเจ้าของทีมรายใหม่ที่น่าสนใจไม่ได้จำกัดเพียงที่ความรวยล้นฟ้าของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะนอกเหนือจากธุรกิจเคมี Iที่มีมูลค่ามากกว่าสามหมื่นล้านยูโรแล้ว แรตคลิฟฟ์ยังเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลและทีมกีฬาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นีซ แห่งลีกเอิง, เอฟซี โลซาน-สปอร์ต แห่งลีกสวิตเซอร์แลนด์, อิเนออส บริเทเนีย ทีมเรือใบชื่อดังของอังกฤษ และ อิเนออส เกรนาเดียร์ส ทีมจักรยานชื่อดังที่รีแบรนด์มาจาก หลังเข้าไปสนับสนุนเป็นนายทุนของทีม
ดังนั้น คงจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า แรตคลิฟฟ์ไม่ใช่นายทุนมือใหม่ที่ขาดประสบการณ์ในวงการกีฬา แถมเขายังมีประสบการณ์ในการบริหารทีมในลีกระดับท็อปอย่างนีซมาแล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของร่วมของทีมทีมรถแข่งชื่อดังในศึกฟอร์มูล่าวัน และ โตโต้ โวล์ฟฟ์ บอสของทีม) แฟนบอลจึงยิ่งมั่นใจได้เลยว่าแรตคลิฟฟ์และทีมงานของเขาค่อนข้างมีความเข้าใจในธุรกิจกีฬาอยู่ไม่น้อย
คราวนี้อุปสรรคเดียวที่จะขัดขวางแรตคลิฟฟ์ไม่ให้เข้ามารับตำแหน่งเจ้าของใหม่ก็คงหนีไม่พ้น ตระกูลเกลเซอร์ ที่ยังคงไม่แน่นอนว่าจะปล่อยแมนฯ ยูไนเต็ด ออกจากมือจริงหรือไม่ เพราะล่าสุด หัวหน้าฝ่ายข่าวของ อย่าง คาเวล โซลเฮโกล เผยความเห็นว่า ตระกูลเกลเซอร์ไม่คิดที่จะขายสโมสรในตอนนี้ เพียงแต่อยากได้ผู้ถือหุ้นรองรายใหม่ และถ้าหากจะขายสโมสรจริง มูลค่าต้องไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านปอนด์
ทั้งนี้ องค์กรแฟนคลับอย่างเป็นทางการของทัพปีศาจแดงได้ออกแถลงการณ์เพื่อสนับสนุนการค้นหาเจ้าของใหม่แบบอ้อม ๆ โดยกล่าวว่าพวกเขาต้องการเจ้าของทีมที่เห็นความสำคัญของสโมสร และพร้อมจะทุ่มเงินเพื่อทวงคืนความยิ่งใหญ่ของทีมให้กลับมาอีกครั้ง
“ขณะที่กลุ่มกองเชียร์เรียกร้องความเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่าเราต้องทำให้แน่ใจว่ามันคือความเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้อง ผู้ลงทุนหรือเจ้าของใหม่ทุกคนจำเป็นต้องยึดมั่นกับวัฒนธรรม ประเพณี และรากฐานของสโมสร พวกเขาต้องพยายามที่จะฟื้นฟูยูไนเต็ดให้กลับสู่ความยิ่งใหญ่ในอดีตอีกครั้ง และการลงทุนนั้นจะต้องมีเงินใช้ไปกับการพัฒนานักเตะและสนามของเรา”
เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ จะเป็นผู้กอบกู้แมนฯ ยูไนเต็ด และเจ้าของทีมคนใหม่ที่แฟนบอลคาดหวังได้หรือไม่? สมมติว่าหากเขาสามารถยื่นข้อเสนอที่มัดใจตระกูลเกลเซอร์ได้ มีโอกาสไม่น้อยเลยที่จะเป็นแบบนั้น เพราะเมื่อดูจากความหลงใหลในกีฬาฟุตบอลและความรักต่อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว การจะเข้ามาสูบเลือดเนื้อจากสโมสรแบบกลุ่มเจ้าของปลิงมะกัน คงจะเป็นสิ่งที่ย้อนแย้งกับเรื่องราวของเขามากเกินไป
ท่ามกลางวิกฤตต่างๆที่รุมเร้าสโมสร อย่างน้อยแฟนบอลปีศาจแดงก็ยังพอมีความหวังอยู่บ้างถึงทิศทางที่สามารถดีขึ้นได้ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอนาคตเจ้าของใหม่ของสโมสรที่เป็นแฟนบอลที่เติบโตมาในละแวกท้องถิ่นเมืองแมนเชสเตอร์ และมีใจรักทีมฟุตบอลแห่งนี้จริง